สัตว์โบราณ์ 7 ชนิดที่ยังมีชีวิต An animal Bora seven species alive.
ได้ยินได้ฟังกันเรื่องเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดยุคดึกดำบรรพ์ หรือสัตว์เทพนิยายในตำนาน ใครจะรู้ว่ามีอยู่จริงมั้ย เพราะปัจจุบันยังไม่เคยมีใครหรือเครื่องมืออะไรหามันพบ ยกเว้นแต่จะโผล่ออกมาให้เห็นเอง แต่บางอย่างก็ยืนยันแล้วว่ายังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าจะเคยคิดว่ามันสูญพันธ์ุไปแล้วก็ตาม และนี่คือสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ 7 ชนิด ที่เราค้นพบได้โดยบังเอิญ...
นับตั้งแต่โลกนี้มีสภาพอากาศและสภาวะแวดล้อมเหมาะสม ก็ได้ปรากฏสิ่งมีชีวิตต่างๆมากมายถือกำเนิดบนโลกใบนี้ แต่ท่านรู้มั้ยว่า โลกที่เราอาศัยอยู่ในตอนนี้ ยังมีสิ่งมีชีวิตสมัยดึกดำบรรพ์รอดจากภัยพิบัติต่างๆและอาศัยอยู่กับเราด้วย วันนี้จะพาไปพบกับ 7 สัตว์โบราณที่ยังมีชีวิต แถมหน้าตาน่ารักน่าชังซะด้วย ไปดูกันเลย
อันดับที่ 7: Goblin shark
Goblin shark หรือ ฉลามก็อบลิน มีชีวิตตั้งแต่สมัย 124 – 112 ล้านปีก่อน อาศัยอยู่ในทะเลน้ำลึกแถบมหาสมุทรแปซิฟิคตอนใต้ ไล่ไปจนถึงมหาสมุทรแอตแลนติคและมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ พบครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น ลักษณะของมัน คือ เหมือนฉลามทั่วๆ ไป แต่จะมีครีบที่ค่อนข้างมาก แต่ส่วนที่เห็นได้ชัดเลยว่าแตกต่างไปจากฉลามตัวอื่น คือ เป็นส่วนที่ยื่นออกมาจากหน้าผากมันหรือก็คือจมูกที่มีลักษณะแบนราบซึ่งจะ เป็นตัวช่วยให้ฉลามก็อบบลินหาเหยื่อได้ โดยจะมีอวัยวะที่ทำงานคล้ายเซนเซอร์ไฟฟ้าอยู่ข้างในจมูกของมัน คอยส่งสัญญาณให้ฉลามก็อบลินรู้ว่าเหยื่ออยู่ที่ไหน แต่บางทีมันก็ใช้การดมกลิ่นแทน และปากของมันสามารถยืดออกมาได้อีกด้วย ส่วนขนาดความยาวทั้งตัวตั้งแต่หัวถึงหางของฉลามก็อบบลินก็ยาวประมาณ 11-15 ฟุตหรือ 3.3 -4.5 เมตร
Goblin shark หรือ ฉลามก็อบลิน มีชีวิตตั้งแต่สมัย 124 – 112 ล้านปีก่อน อาศัยอยู่ในทะเลน้ำลึกแถบมหาสมุทรแปซิฟิคตอนใต้ ไล่ไปจนถึงมหาสมุทรแอตแลนติคและมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ พบครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น ลักษณะของมัน คือ เหมือนฉลามทั่วๆ ไป แต่จะมีครีบที่ค่อนข้างมาก แต่ส่วนที่เห็นได้ชัดเลยว่าแตกต่างไปจากฉลามตัวอื่น คือ เป็นส่วนที่ยื่นออกมาจากหน้าผากมันหรือก็คือจมูกที่มีลักษณะแบนราบซึ่งจะ เป็นตัวช่วยให้ฉลามก็อบบลินหาเหยื่อได้ โดยจะมีอวัยวะที่ทำงานคล้ายเซนเซอร์ไฟฟ้าอยู่ข้างในจมูกของมัน คอยส่งสัญญาณให้ฉลามก็อบลินรู้ว่าเหยื่ออยู่ที่ไหน แต่บางทีมันก็ใช้การดมกลิ่นแทน และปากของมันสามารถยืดออกมาได้อีกด้วย ส่วนขนาดความยาวทั้งตัวตั้งแต่หัวถึงหางของฉลามก็อบบลินก็ยาวประมาณ 11-15 ฟุตหรือ 3.3 -4.5 เมตร
อันดับที่ 6: Giant River stingray
Giant River stingray หรือ กระเบนราหู มีชีวิตมาตั้งแต่สมัยยุคจูราสสิค หรือประมาณ 100 ล้านปีก่อน กระเบนนั้น เป็นสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในตะกอนใต้น้ำ ซึ่งดูภายนอกแล้ว ไม่มีพิษมีภัยซักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากไปแหย่มันละก็ มันจะใช้หางพิษแทงเข้าที่ตัวเหยื่อ ซึ่งร้อยทั้งร้อย ตายชัวร์ และกระเบนน้ำจืดยักษ์ขนาดที่ใหญ่ที่สุดที่เคยวัดได้ มีขนาดถึง 4.3 เมตร !! ซึ่งจับได้ที่แม่น้ำบางปะกง ประเทศไทยเีรานี่เอง
Giant River stingray หรือ กระเบนราหู มีชีวิตมาตั้งแต่สมัยยุคจูราสสิค หรือประมาณ 100 ล้านปีก่อน กระเบนนั้น เป็นสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในตะกอนใต้น้ำ ซึ่งดูภายนอกแล้ว ไม่มีพิษมีภัยซักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากไปแหย่มันละก็ มันจะใช้หางพิษแทงเข้าที่ตัวเหยื่อ ซึ่งร้อยทั้งร้อย ตายชัวร์ และกระเบนน้ำจืดยักษ์ขนาดที่ใหญ่ที่สุดที่เคยวัดได้ มีขนาดถึง 4.3 เมตร !! ซึ่งจับได้ที่แม่น้ำบางปะกง ประเทศไทยเีรานี่เอง
อันดับที่ 5: Frilled Shark
Frilled Shark หรือ ฉลามครุย ในภาษาไทย เป็นฉลามที่มีรูปร่างเรียวยาวคล้ายปลาไหล มีผิวสีน้ำตาลหรือเทาเข้ม มีซี่กรองเหงือก 6 คู่ และพู่กางออกเหมือนซาลาแมนเดอร์บางชนิด ทำให้ดูแลเหมือนครุย ปากกว้างเลยตำแหน่งของตา ภายในปากมีฟันที่แตกเป็นดอกแหลม ๆ 3 แฉก ซึ่งแต่ก่อนนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ปลาฉลามสายพันธุ์นี้เคยสูญพันธ์ไปเมื่อยุคครีเตเซียส หรือประมาณ 95 ล้านปีก่อน
Frilled Shark หรือ ฉลามครุย ในภาษาไทย เป็นฉลามที่มีรูปร่างเรียวยาวคล้ายปลาไหล มีผิวสีน้ำตาลหรือเทาเข้ม มีซี่กรองเหงือก 6 คู่ และพู่กางออกเหมือนซาลาแมนเดอร์บางชนิด ทำให้ดูแลเหมือนครุย ปากกว้างเลยตำแหน่งของตา ภายในปากมีฟันที่แตกเป็นดอกแหลม ๆ 3 แฉก ซึ่งแต่ก่อนนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ปลาฉลามสายพันธุ์นี้เคยสูญพันธ์ไปเมื่อยุคครีเตเซียส หรือประมาณ 95 ล้านปีก่อน
ฟันที่เป็นเอกลักษณ์ของฉลามครุย
แต่ในเดือน มกราคม ค.ศ. 2007 ปลาฉลามชนิดนี้ก็ถูกชาวประมงชาวญี่ปุ่นจับตัวได้ที่ชายฝั่งใกล้สวนน้ำอะวาชิมา ในเมืองชิซุโอกะทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียว ซึ่ง สาเหตุที่จับได้นั้น เนื่องจากมันทนสภาวะที่ระดับอุณหภูมิในน้ำสูงขึ้นไม่ไหว จึงลอยมาเกยตื้นและตายไปในที่่สุด ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์จึงสรุปได้ว่า ปลาฉลามครุยนั้นเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ยังมีชีวิตในโลกปัจจุบันนี้
แต่ในเดือน มกราคม ค.ศ. 2007 ปลาฉลามชนิดนี้ก็ถูกชาวประมงชาวญี่ปุ่นจับตัวได้ที่ชายฝั่งใกล้สวนน้ำอะวาชิมา ในเมืองชิซุโอกะทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียว ซึ่ง สาเหตุที่จับได้นั้น เนื่องจากมันทนสภาวะที่ระดับอุณหภูมิในน้ำสูงขึ้นไม่ไหว จึงลอยมาเกยตื้นและตายไปในที่่สุด ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์จึงสรุปได้ว่า ปลาฉลามครุยนั้นเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ยังมีชีวิตในโลกปัจจุบันนี้
เชื่อว่าปลาฉลามชนิดนี้อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำลึกทุกที่ แต่จะกระจายพันธุ์อยู่ในเขตน้ำลึกใกล้นอร์เวย์, แอฟริกาใต้, นิวซีแลนด์และชิลี ส่วนความยาวเมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดประมาณ 6.5 ฟุต
อันดับที่ 4: Alligator Gar
ปลาปากจระเข้เป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยเมื่อประมาณ 100 ล้านปีก่อน โดยปลาปากจระเข้เป็นปลาพื้นเมืองของสหรัฐอเมริกา แถบฟลอริดาและแถบลุ่มแม่น้ำมิซิซิปปี้ เป็นปลาที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มปลาการ์
ลักษณะของมันคือ มีปากคล้ายกับจระเข้รูปร่างกลมยาว ภายในปากมีฟันแหลมคม 2 แถว ตากลมสีดำ บริเวณลำตัวจรดหางคล้ายปลา มีครีบเล็กใต้ท้อง 2 ครีบคู่ ใต้ท้องสีขาว ที่บริเวณปลายหาง ใกล้หางมีครีบใหญ่อีก 2 ครีบ ขนาดเมื่อโตเต็มวัยประมาณ 350 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 127 กิโลกรัม
ปลาปากจระเข้เป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยเมื่อประมาณ 100 ล้านปีก่อน โดยปลาปากจระเข้เป็นปลาพื้นเมืองของสหรัฐอเมริกา แถบฟลอริดาและแถบลุ่มแม่น้ำมิซิซิปปี้ เป็นปลาที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มปลาการ์
ลักษณะของมันคือ มีปากคล้ายกับจระเข้รูปร่างกลมยาว ภายในปากมีฟันแหลมคม 2 แถว ตากลมสีดำ บริเวณลำตัวจรดหางคล้ายปลา มีครีบเล็กใต้ท้อง 2 ครีบคู่ ใต้ท้องสีขาว ที่บริเวณปลายหาง ใกล้หางมีครีบใหญ่อีก 2 ครีบ ขนาดเมื่อโตเต็มวัยประมาณ 350 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 127 กิโลกรัม
ปัจจุบัน บ้านเราก็พบเห็นได้ง่าย เนื่องจากมีบางคนนิยมเลี้ยงปลาที่มีหน้าตาแปลกพอสมควร แต่พอน้ำท่วมปุ๊บ ปลาพวกนี้ก็หลุดออกมาตามแหล่งน้ำธรรมชาติบ้าง ทุ่งนาบ้าง ทำให้มันได้ออกข่าวค่อนข้างบ่อย สุดท้ายบ้านเราก็มีอีก 1 สมาชิกหน้าตาประหลาดอาศัยรวมอยู่ด้วย (จะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ย)
อันดับที่ 3: Giant Chinese Salamander
เพิ่งออกข่าวไปไม่นานสำหรับ ซาลามานเดอร์ยักษ์จีน ที่กลบกระแสแพนด้าเพื่อนร่วมประเทศไปได้มาก โดย ซาลามานเดอร์ชนิดนี้มีชีวิตมาตั้งแต่ 30 ล้านปีก่อน และยังเป็นซาลามานเดอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (อันดับที่สองคือซาลามานเดอร์ยักษ์ญี่ปุ่น) โดยมีความยาวได้ถึง 180 ซม.
เพิ่งออกข่าวไปไม่นานสำหรับ ซาลามานเดอร์ยักษ์จีน ที่กลบกระแสแพนด้าเพื่อนร่วมประเทศไปได้มาก โดย ซาลามานเดอร์ชนิดนี้มีชีวิตมาตั้งแต่ 30 ล้านปีก่อน และยังเป็นซาลามานเดอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (อันดับที่สองคือซาลามานเดอร์ยักษ์ญี่ปุ่น) โดยมีความยาวได้ถึง 180 ซม.
รูปร่างภายนอก จะมีลักษณะตัวที่ใหญ่ หัวแบน ปากกว้าง ลิ้นใหญ่ หางยาวและมีขนาดถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของความยาวทั้งตัว ผิวหนังจะมีลักษณะขรุขระ มีรอยย่นมากมาย และมีปุ่มๆทั่วทั้งตัว มีตั้งแต่สีน้ำตาลเข้ม สีดำไปจนกระทั่งสีเขียว ขนาดโดยทั่วไปยาวประมาณ 1 เมตร น้ำหนักประมาณ 25-30 กิโลกรัม และมีอายุได้ถึง 50 ปี
โชคยังดีหน่อยที่เจ้าตัวนี้ไม่นิยมเนื้อคนซักเท่าไหร่ แต่อาจจะโชคร้่ายสำหรับมันก็ได้ ที่ดันไปเกิดในประเทศที่นิยมกินทุกอย่างโดยไม่เลือก ยังไงก็ขอให้รอดตายนะลูก
อันดับที่ 2: Triops
Triops หรือ กุ้งไดโนเสาร์ หรือ กุ้งโบราณ (แล้วแต่จะเรียก) เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ เกิดในยุคไทรแอสสิก หรือเมื่อ 200 ล้านปีที่แล้ว ถูกยกให้เป็นฟอสซิลมีชีวิต ไม่มีกระดูกสันหลัง อาศัยในน้ำจืด มีขนาดเล็ก ขนาดตัวประมาณ 1-3 นิ้ว ลักษณะลำตัวเป็นแท่งยาว แบ่งเป็นปล้องๆ บริเวณหัวเป็นช้างน้อย มีลักษณะแบนปกคลุม 2 ใน 3 ส่วนของช่องอก มี 3 ตา มีขามากถึง 35-71 คู่ รูปร่างคล้ายแมงดาทะเล ไม่มีกระดูกสันหลัง จัดอยู่ประเภทเดียวกับสัตว์น้ำจืดที่มีเปลือกแข็งจำพวกกุ้งหรือปู
Triops หรือ กุ้งไดโนเสาร์ หรือ กุ้งโบราณ (แล้วแต่จะเรียก) เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ เกิดในยุคไทรแอสสิก หรือเมื่อ 200 ล้านปีที่แล้ว ถูกยกให้เป็นฟอสซิลมีชีวิต ไม่มีกระดูกสันหลัง อาศัยในน้ำจืด มีขนาดเล็ก ขนาดตัวประมาณ 1-3 นิ้ว ลักษณะลำตัวเป็นแท่งยาว แบ่งเป็นปล้องๆ บริเวณหัวเป็นช้างน้อย มีลักษณะแบนปกคลุม 2 ใน 3 ส่วนของช่องอก มี 3 ตา มีขามากถึง 35-71 คู่ รูปร่างคล้ายแมงดาทะเล ไม่มีกระดูกสันหลัง จัดอยู่ประเภทเดียวกับสัตว์น้ำจืดที่มีเปลือกแข็งจำพวกกุ้งหรือปู
สัตว์โบราณชนิดนี้มีทีเดียว 2 เพศ สามารถผสมพันธุ์ได้ในตัวเองแต่พบไม่บ่อย ส่วนใหญ่เป็นเพศผู้ หรือเพศเมีย อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งกุ้งไดโนเสาร์ตัวเมียจะใช้ขาสร้างถุงใส่ไข่ ดังนั้นไข่จะถูกหุ้มด้วยเปลือก ทั้งนี้เพื่อรักษาตัวอ่อนให้มีชีวิตอยู่ได้ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการฟักตัว เช่น ร้อนจัด หนาวจัด ไข่จะถูกฟักเป็นตัวต่อเมื่อไข่แห้งเต็มที่ แล้วกลับมาเปียกน้ำอีกครั้งในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ตรงนี้เป็นสาเหตุว่าทำไม ตระกูลมันจึงอยู่รอดได้มาจวบจนทุกวันนี้ ปัจจุบันมีประเทศต่างๆกำลังนิยมเลี้ยงกุ้งไดโนเสาร์ รวมถึงประเทศไทยด้วย
อันดับที่ 1: Lamprey
ปลาแลมเพรย์นั้น ต้นตระกูลเดิมคือ ออสตราโคเดิร์ม ( Ostracoderm) ซึ่งสูญพันธ์ไปแล้วในปัจจุบัน ฟอสซิลที่ถูกค้นพบครั้งล่าสุด พบว่า มีอายุกว่า 500 ล้านปีมาแล้ว เป็นปลาที่ถูกจัดว่าไม่มีขากรรไกร ลักษณะคล้ายปลาไหล ลำตัวด้านหลังมักจะเป็นสีดำ มีครีบหลังและครีบหาง แต่ไม่มีครีบคู่ ไม่มีเกล็ด ปากจะอยู่ค่อนลงมาทางด้านท้อง มีลักษณะเป็นวงกลมใช้สำหรับดูด มีฟันแหลมคมจำนวนมากอยู่ในอุ้งปาก จมูกมี 1 รูซึ่งอยู่กึ่งกลางด้านบนของหัว มีตา 1 คู่ ถุงเหงือก 7 ถุง และมีช่องเหงือก 7 ช่อง โครงร่างเป็นกระดูกอ่อนและเส้นใย เส้นประสาทหลัง มีการพัฒนาเป็นสมองซึ่งมีเส้นประสาทสมอง 8-10 คู่ ทางเดินอาหารไม่มีกระเพาะอาหาร ส่วนลำไส้บิดเป็นเกลียว มีลักษณะเพศแยกออกเป็นเพศผู้และเพศเมียชัดเจน
ปลาแลมเพรย์นั้น ต้นตระกูลเดิมคือ ออสตราโคเดิร์ม ( Ostracoderm) ซึ่งสูญพันธ์ไปแล้วในปัจจุบัน ฟอสซิลที่ถูกค้นพบครั้งล่าสุด พบว่า มีอายุกว่า 500 ล้านปีมาแล้ว เป็นปลาที่ถูกจัดว่าไม่มีขากรรไกร ลักษณะคล้ายปลาไหล ลำตัวด้านหลังมักจะเป็นสีดำ มีครีบหลังและครีบหาง แต่ไม่มีครีบคู่ ไม่มีเกล็ด ปากจะอยู่ค่อนลงมาทางด้านท้อง มีลักษณะเป็นวงกลมใช้สำหรับดูด มีฟันแหลมคมจำนวนมากอยู่ในอุ้งปาก จมูกมี 1 รูซึ่งอยู่กึ่งกลางด้านบนของหัว มีตา 1 คู่ ถุงเหงือก 7 ถุง และมีช่องเหงือก 7 ช่อง โครงร่างเป็นกระดูกอ่อนและเส้นใย เส้นประสาทหลัง มีการพัฒนาเป็นสมองซึ่งมีเส้นประสาทสมอง 8-10 คู่ ทางเดินอาหารไม่มีกระเพาะอาหาร ส่วนลำไส้บิดเป็นเกลียว มีลักษณะเพศแยกออกเป็นเพศผู้และเพศเมียชัดเจน
ปลาแลมเพรย์แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ แบบธรรมดา กับ แบบปรสิต แบบธรรมดานั้น จะอาศัยอยู่ตามลำธาร ช่วงชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นระยะตัวอ่อนที่กินอาหารแบบกรอง ตัวเต็มวัยมีชีวิตอยู่ 3-4 สัปดาห์ โดยไม่กินอาหารเนื่องจากทางเดินอาหารสลายตัว เหลือเพียงสายของเนื้อเยื้อที่ไม่มีหน้าที่การทำงานและจะตายไปหลังวางไข่ ส่วนแบบปรสิต จะมีปากคล้ายแว่นดูดและมีอุ้งปาก คล้ายถ้วยลึกลงไปในอุ้งปาก และลิ้นมีฟันที่เจริญดีอยู่ มันจะใช้ปากเกาะเหยื่อและใช้ฟันและลิ้นครูดเอาเนื้อออก และให้เลือดของเหยื่อไหลผ่านได้สะดวก ปลาแลมป์เพรย์จะสร้างสารป้องกันการตกตะกอนของเลือดส่งไปที่ปากแผล เมื่อดูดเลือดของเหยื่อจนตัวเหยื่อแห้งก็จะปล่อยแล้วหาเหยื่อใหม่
ที่มา(credit) :
- cracked และ http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=684123&sid=4373590e73b27f4e4a162ff42b11cab4
- ที่มาของเนื้อหา : sanook.com
Image Source :
http://www.thesun.co.uk/sol/homepage/news/2606683/Loch-Ness-Monster-on-Google-Earth.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น